หมิ่นประมาท: ทำอย่างไรถึงไม่ติดคุก
การสื่อสารในยุคดิจิทัลเปิดโอกาสให้เราแสดงความคิดเห็นได้ […]
การสื่อสารในยุคดิจิทัลเปิดโอกาสให้เราแสดงความคิดเห็นได้ […]
จำเลยไม่เคยทราบว่าตนถูกฟ้องทั้งปรากฏว่ามีผู้แอบอ้างเป็น […]
คดีหมิ่นประมาท เป็นคดีหนึ่งที่มีความละเอียดอ่อนในเรื่อง […]
การใส่ความกันบนโลกออนไลน์ การแขวน ดูถูก ดูหมิ่น การกล่า […]
ปรึกษาทนายความคดีขับรถชนคนตาย ถูกรถชน ยินดีช่วยเหลือให้ […]
ตั้งแต่เรามีอินเทอร์เน็ตใช้กันข่าวสาร สาระ ความรู้ และอ […]
โจทก์และจำเลยทั้งสองได้รับโอนมรดกที่ดินพิพาท เมื่อออกโฉ […]
ลักษณะ ๗ ความผิดเกี่ยวกับการปลอมและการแปลง หมวด ๓ ความผ […]
“ฉ้อโกง” กับ “ผิดสัญญาทางแพ่ง” แตกต่างกันอย่างไร ? คำว่ […]
คดีหมิ่นประมาทฟ้องร้องกันอย่างไร ข้อหาหมิ่นประมาท ตามปร […]
กรณีทำสัญญาซื้อขายที่ดินและจดทะเบียนโอนที่สำนักงานที่ดิ […]
“ปัญหาค่าส่วนต่างจากการคืนรถที่ถูกยึด” หลัง […]
ทนายความรับร่างพินัยกรรมมรดก ทนายความรับร่างพินัยกรรมมร […]
ทนายความคดีครอบครองปรปักษ์ หากท่านได้รับความเดือดร้อนไม […]
ปรึกษาทนายความคดีลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร ยินดีให้คำปรึกษาฟ้ […]
ทนายความคดีทำร้ายร่างกาย ทำร้ายร่างกายสาหัส หากลูกความ […]
ทนายความรับปรึกษากฎหมาย ทางเรายินดีให้คำ ปรึกษากฎหมาย ก […]
ปรึกษากฎหมาย ทนายความ คดีมรดก กรณีลูกความต้องการ […]
?
- 1.1. ความผิดฐานลักทรัพย์(โดยวิธีใช้อุบาย) เป็นการใช้อุบายเพื่อหลอกเอาการยึดถือ
- 1.2. ส่วนความผิดฐานฉ้อโกงเป็นการใช้อุบายหลอกลวงเพื่อให้ได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์นั้นโดยไม่ได้หลอกเอาการยึดถือ
- ตามความเห็นนี้ การหลอกให้คนใช้มอบทรัพย์ให้โดยหลอกว่าเจ้านายบอกให้มาเอาทรัพย์ กรณีนี้คนใช้เพียงเเต่ยึดถือทรัพย์เเทนเจ้านาย การครองครองทรัพย์ยังอยู่กับเจ้านายหลอกเอาทรัพย์นั้นมาอยู่ในการยึดถือของตนซึ่งอ้างว่ามีอำนาจยึดถือเเทนเจ้าทรัพย์เพราะใช้อุบายหลอกว่าเจ้านายให้มาเอา กรณีนี้เป็นการหลอกเอาการยึดถือก่อน เเละเมื่อเอาทรัพย์นั้นไป ในลักษณะ ตัดกรรมสิทธิ์ ย่อมเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ ไม่ผิดฐานฉ้อโกงเพราะในขณะที่หลอกลวงนั้นการครอบครองทรัพย์ยังอยู่กับเจ้านาย(ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์)คนใช้เพียงเเต่ยึดถือเเทน จะเห็นได้ว่าตามเเนวความเห็นนี้เมื่อดูฎีกา จะไม่สามารถนำมาพิจารณาได้ทุกกรณี ซึ่งไม่น่าจะเป็นหลักตายตัว เเละยังไม่ชัดเจน โดยพิจารณาหลักเกณฑ์ในด้านผู้เสียหายเป็นสำคัญ แทนที่จะพิจารณาจากการกระทำของจำเลย (ฎ 1563/03(ป),321/10,611/30,3245/45)
- 1.1. ความผิดฐานลักทรัพย์(โดยวิธีใช้อุบาย) เป็นการใช้อุบายเพื่อหลอกเอาการยึดถือ
- 1.2. ส่วนความผิดฐานฉ้อโกงเป็นการใช้อุบายหลอกลวงเพื่อให้ได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์นั้นโดยไม่ได้หลอกเอาการยึดถือ
- ตามความเห็นนี้ การหลอกให้คนใช้มอบทรัพย์ให้โดยหลอกว่าเจ้านายบอกให้มาเอาทรัพย์ กรณีนี้คนใช้เพียงเเต่ยึดถือทรัพย์เเทนเจ้านาย การครองครองทรัพย์ยังอยู่กับเจ้านายหลอกเอาทรัพย์นั้นมาอยู่ในการยึดถือของตนซึ่งอ้างว่ามีอำนาจยึดถือเเทนเจ้าทรัพย์เพราะใช้อุบายหลอกว่าเจ้านายให้มาเอา กรณีนี้เป็นการหลอกเอาการยึดถือก่อน เเละเมื่อเอาทรัพย์นั้นไป ในลักษณะ ตัดกรรมสิทธิ์ ย่อมเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ ไม่ผิดฐานฉ้อโกงเพราะในขณะที่หลอกลวงนั้นการครอบครองทรัพย์ยังอยู่กับเจ้านาย(ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์)คนใช้เพียงเเต่ยึดถือเเทน จะเห็นได้ว่าตามเเนวความเห็นนี้เมื่อดูฎีกา จะไม่สามารถนำมาพิจารณาได้ทุกกรณี ซึ่งไม่น่าจะเป็นหลักตายตัว เเละยังไม่ชัดเจน โดยพิจารณาหลักเกณฑ์ในด้านผู้เสียหายเป็นสำคัญ แทนที่จะพิจารณาจากการกระทำของจำเลย (ฎ 1563/03(ป),321/10,611/30,3245/45)
ทนายความมรดก การตกทอดแห่งมรดก เมื่อบุคคลใดตายมรดกตกทอดแ […]
ทนายความคดีแรงงาน ปรึกษากฎหมาย นายจ้าง ลูกจ้าง หนังสือเ […]
ทนายความคดีฆ่าคนตาย คดีหมิ่นประมาท คดีลักทรัพย์ ๑) ลัก […]