ทนายคดีฉ้อโกงที่ดิน

ทนายคดีฉ้อโกงที่ดิน

ถูกหลอกให้ทำสัญญาขายฝากที่ดินที่สำนักงานที่ดิน


คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1671/2563 (หน้า 11 เล่ม 10) พนักงานอัยการฟ้องจำเลยที่ 3 เป็นคดีอาญาต่อศาลชั้นต้นในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดเกี่ยวกับเอกสาร ฉ้อโกง ซึ่งโจทก์ได้เข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการ สิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่อ้างว่าจำเลยที่ 3 กระทำละเมิดในคดีนี้มีมูลมาจากการกระทำผิดทางอาญา จึงเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 46
คดีส่วนอาญา ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 3 มีหน้าที่รับคำขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมและการสอบสวนสิทธิในที่ดินมาดำเนินการได้รับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้สอบสวนสิทธิผู้ขายฝากและผู้รับซื้อฝากที่ดิน โดยผู้ขายฝากได้พิมพ์ลายนิ้วมือและผู้รับซื้อฝากได้ลงลายมือชื่อมีการแจ้งข้อความตามเอกสารดังกล่าวจริง อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ต.และโจทก์ ดังนั้น คดีนี้ในส่วนของโจทก์และจำเลยที่ 3 จึงต้องข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาในคดีส่วนอาญาว่า จำเลยที่ 3 ปฏิบัติหน้าที่รับคำขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมและการสอบสวนสิทธิในที่ดินโดยมิชอบ ส่วนจำเลยที่ 1 แม้ไม่ได้เป็นคู่ความในคดีอาญา และคำพิพากษาในคดีส่วนอาญาไม่มีผลผูกพันจำเลยที่ 1 ก็ตาม แต่จำเลยที่ 1 ยอมรับว่า จำเลยที่ 3 มีหน้าที่รับคำขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมและการสอบสวนสิทธิในที่ดินโดยร่วมกับจำเลยที่ 4 ปลอมลายนิ้วมือของ ต.ในช่องผู้ขายฝาก เพื่อให้โจทก์หรือบุคคลอื่นหลงเชื่อว่าหนังสือสัญญาขายฝากที่ดินนั้นเป็นหนังสือสัญญาขายฝากที่ดินที่แท้จริง อันเป็นการกระทำผิดโดยอาศัยตำแหน่งหน้าที่ของตน มิใช่กระทำในฐานะส่วนตัว กรณีจึงต้องด้วยมาตรา 5 วรรคหนึ่งแห่ง พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ที่บัญญัติว่า “หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดต่อผู้เสียหายในผลแห่งละเมิดที่เจ้าหน้าที่ของตนได้กระทำในการปฏิบัติหน้าที่ ในกรณีนี้ผู้เสียหายอาจฟ้องหน่วยงนของรัฐดังกล่าวได้โดยตรง แต่จะฟ้องเจ้าหน้าที่ไม่ได้” จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 3 ได้กระทำในการปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยยงานของจำเลยที่ 1
(หมายเหตุ 1 ข้อเท็จจริง จำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่ดินติดต่อขอเช่าที่ดินจาก ต.เพื่อใช้เป็นหลักประกัน แต่ได้นำไปจดทะเบียนขายฝากไว้กับโจทก์ โดยมีจำเลยที่ 2 ในฐานะเจ้าพนักงานที่ดินรับจดทะเบียนการขายฝากที่ดิน และจำเลยที่ 3 ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้สอบสวนคำขอจดทะเบียนขายฝากที่ดินรับรองว่า ได้สอบสวน ต.และโจทก์แล้ว โดย ต.ผู้ขายฝากได้พิมพ์ลายนิ้วมือแทนการลงลายมือชื่อ ซึ่งเป็นความเท็จ
2 ต่อมา กรมที่ดินจำเลยที่ 1 ได้มีคำสั่งปลดจำเลยที่ 2 ออกจากราชการ ให้จำเลยที่ 3 ออกจากราชการ และไล่จำเลยที่ 4 ออกจากราชการ
3 โจทก์ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับจำเลยที่ 2 และที่ 3 พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องจำเลยที่ 2 และที่ 3 โดยมีโจทก์ในฐานะผู้เสียหายเข้าร่วมเป็นโจทก์ตามคดีอาญา และศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุด ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 มีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
4 โจทก์จึงมาฟ้องบังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมรับกันชำระเงินคืนให้แก่โจทก์
5 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันชำระเงินตามฟ้องให้แก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3 ศาลฎีกาพิพากษายืน)

author avatar
ทนายความใกล้ฉัน