ทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างสมรสกับทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างอยู่กินฉันสามีภรรยา
คำพิพากษาฎีกาที่ 1087/2566 (หน้า 615 เล่ม 3) ทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างสมรสไม่ว่าฝ่ายใดได้มา ถือว่าเป็นสินสมรสตาม ป.พ.พ.มาตรา 1471(1) ทั้งสิ้น แม้อีกฝ่ายหนึ่งมิได้มีส่วนในการทำมาได้ด้วยก็ตาม ส่วนทรัพย์สินที่ชายหญิงที่มิได้จดทะเบียนสมรสได้มาอยู่กินฉันสามีภรรยาที่จะถือว่าเป็นกรรมสิทธิ์รวมของชายหญิงนั้น ทั้งสองฝ่ายต่างต้องมีส่วนร่วมทำมาหาได้ทรัพย์สินนั้นด้วยกัน ทรัพย์สินที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำมาหาได้เพียงฝ่ายเดียวโดยอีกฝ่ายหนึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ย่อมตกเป็นของฝ่ายนั้นแต่ผู้เดียว มิใช่กรรมสิทธิ์รวมของทั้งสองฝ่าย
ภาระการพิสูจน์หักล้างข้อสันนิษฐานตาม ป.พ.พ. มาตรา 1373 ว่าห้องชุดพิพาทซึ่งมีชื่อโจทก์ในทะเบียน นอกจากจำเลยต้องนำสืบว่าห้องชุดพิพาทเป็นทรัพย์สินที่โจทก์และ พ.มารดาจำเลยซึ่งถึงแก่ความตายได้มาระหว่างอยู่กินฉันสามีภริยากันแล้ว ยังเป็นทรัพย์สินที่เกิดจากโจทก์และ พ.ทำมาหาได้ร่วมกันด้วย
(หมายเหตุ 1 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยเพียงแต่นำสืบว่า ห้องชุดพิพาทเป็นทรัพย์สินที่โจทก์ซื้อมาระหว่างอยู่กินฉันสามีภรรยากับ พ. โดยใส่ชื่อโจทก์ในทะเบียนเท่านั้น มิได้นำสืบถึงที่มาของห้องชุดพิพาทว่าเงินที่ชำระค่าห้องชุดเป็นเงินที่โจทก์ และ พ. ประกอบการงานร่วมกันหรือเงินค่าห้องชุดส่วนหนึ่งเป็นเงินของ พ. ทั้งปรากฏว่าขณะโจทก์ซื้อห้องชุดพิพาทในปี 2535 จำเลยมีอายุเพียง 3 ปี เชื่อว่าจำเหตุการณ์ในขณะนั้นไม่ได้
2 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากห้องชุดพิพาท
3 ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
4 ศาลฎีกาพิพากษากลับ ให้บังคับตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น